1 แผ่นจบ
บรรยาย ไทย
นัทสึเมะ เด็กสาวจากจังหวัดคาโงชิม่าเดินทางมายังโตเกียว เพื่อมาหาแฟนหนุ่มที่เป็นพาติชิเอที่โตเกียวเพื่อที่จะพบว่าเขาไม่ได้ทำงานที่ร้านนี้แล้ว อย่างไรก็ตามก็ไม่มีเบาะแสอะไรอย่างอื่นอีก เด็กสาวผู้ไม่มีที่ไปก็ได้เห็นป้ายรับสมัครงานจึงได้ตัดสินใจที่ทำงานที่นี่
ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะเป็นลูกสาวของร้านเบเกอรี่ที่บ้านเกิด แต่การเป็นพาติชิเอของเค้กที่แท้จริงนั้นฝีมือที่เธอมีอยู่นั้นช่างกระจอกงอกง่อยเหลือเกิน เมื่อรู้ตัวเช่นนั้นกลับทำให้เด็กสาวฮึดสู้ตั้งใจที่จะทำเค้กที่เทียบเท่าคุณภาพของร้านนี้ให้ได้
แต่แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมไม่ง่ายดาย ทั้งฝีมือของเธอที่ไม่เข้าขั้น มีเรื่องบาดหมางกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบหน้ากัน รวมถึงคำถามคาใจที่จนป่านนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอนั้นหายไปไหน
และที่ร้านนั้นมักจะมีชายหนุ่มคนหนึ่งแวะเวียนมาประจำ เขาชื่อว่าโทมุระ จากคำบอกเล่าของเชฟใหญ่แล้วเขาคืออดีตนักทำเค้กชื่อดัง แต่ตอนนี้ผันมาเขียนบทวิจารณ์และสอนหนังสือที่โรงเรียนพาติชิเอ
นัทสึเมะเป็นคนที่โผงผางอยู่แล้ว ทำให้บ่อยครั้งมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานบ้าง อันนี้จริงเพื่อนร่วมงานเธอก็ทำท่าเหม็นขี้หน้าเธอตั้งแต่แรกพบแล้วล่ะ ก็เพราะต้องทำงานเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใด ๆ เลยก็คงย่อมทำให้เกิดความหมั่นไส้เป็นบางเวลา รวมถึงโทมุระก็เช่นกัน เค้กในฐานะพาติชิเอชิ้นแรกของเธอได้ศูนย์คะแนนจากเขาโดยที่เขาไม่บอกเหตุผลพร้อมบอกให้เธอเลิกเป็นพาติชิเอ นั่นทำให้นัทสึเมะโมโหและเถียงกลับ
คุณน่ะดีแต่วิจารณ์คนอื่น นั่นทำให้คุณมีความสุขมากเหรอ คุณบอกให้ฉันเลิก แต่คุณเองก็เลิกเหมือนกันแหละ พอพูดจบแล้วโทมุระก็หยุดเดินหันมามองหน้านัทสึเมะ
ทำไมคุณถึงเลิกคะ นัทสึเมะถามตรง ๆ เพราะว่าฉันไม่มีเหตุผลที่จะทำต่อไงล่ะ โทมุระพูด เก็บอารมณ์ก่อนที่จะเดินฉุนเฉียวออกไป
หลังจากนั้นเราก็รู้เหตุผลของการที่โทมุระเลิกเป็นพาติชิเอ มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดแผลใจฝังลึกจนเรื่องของนัตสึเมะเป็นเรื่องกระจอกงอกง่อยไปในทันใด
ถึงแม้ว่าหนังจะให้ความสำคัญในอดีตของโทมุระอย่างเห็นได้ชัด แต่จุดหมายของหนังก็ไม่ได้มุ่งตรงไปที่เรื่องราวของโทมุระแค่เพียงคนเดียว ถ้าเรียกให้ถุกมันเป็นการเปิดมุมมองของเรื่องให้กว้างขึ้นมาอีกหน่อย ให้กว้างจากสายตาของนัตสึเมะให้มองโลกใบนี้ได้อย่างชัดเจนขึ้น
แต่ทว่าก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เชฟใหญ่ก็ได้ตกบันได เข้าเฝือกหลายจุดจนต้องปิดร้านชั่วคราว ต้องยกเลิกงานใหญ่ที่มีคนจองเอาไว้ และจนกว่าเชฟใหญ่จะหายดี ร้านก็ต้องปิดตัวลงชั่วคราว นั่นก็หมายความว่านัตสึเมะที่อาศัยร้านอยู่ตอนนี้มีทางเดียวให้เลือกคือกลับบ้าน ก็เพราะเธอไม่มีเหตุผลจำเป็นที่ต้องอยู่แล้วมิใช่หรือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟนหนุ่มหรือเรื่องเค้ก ทุกอย่างก็ดูไม่ได้เรื่อง เค้กชิ้นแรกฝีมือของเธอก็ไม่ทำให้เธอเกิดความมั่นใจใด ๆ
Patisserie Coin de rue นั้นไม่ได้เป็นเรื่องราวความทะเยอของพาติชิเอที่ต้องการเป็นที่หนึ่งในระดับโลกหรือว่าเป็นเรื่องราวของการต่อสู้กับร้านค้าร้านอื่นหรือต้องกอบกู้ร้านจากวิกฤตแต่อย่างใด แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือบันทึกการเติบโตของเด็กสาวผู้หนึ่ง ที่เริ่มต้นเดินมาจากแค่การเดินทางเพื่อพาแฟนหนุ่มกลับบ้าน จนได้เรียนรู้ถึงความหมายของความสุข ความสูญเสียและการเติบโตไปพร้อม ๆ กัน
ในขณะที่เรามองดูเด็กผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งเรื่อง เราก็ได้เห็นเธอได้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องดีทั้งเรื่องร้าย ทุกอย่างสอนให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำอยู่ตอนนี้มันไม่ได้ไร้ค่าหรือเปล่าประโยชน์แต่อย่างใด
ที่พวกเราทำเช่นนี้เพราะมีเรามีความสุข ที่พวกเราทำเช่นนี้ทำให้คนอื่นมีความสุข ถ้าหากเรามีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ มันก็คงจะน่าเสียดายมิใช่หรือถ้าเราเลิกมันไป
สิ่งที่เราชอบในหนังเรื่องนี้คือคาแรคเตอร์ของนัทสึเมะ เธอไม่ได้เป็นหญิงแกร่ง สู้ชีวิตแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ใช่นางเอกที่อ่อนไหวจนน่ารำคาญ เธอเป็นตัวละครที่โผงผาง บางทีอาจจะไม่ยอมคนเท่าไหร่จนบางครั้งก็ออกจะซื่อ ๆ แต่เราชอบตัวละครคนนี้ที่เป็นคนตรงไปตรงมา มันทำให้สถานการณ์หลายอย่างในเรื่องที่น่าจะรำคาญในหนังเรื่องอื่นกลายเป็นจุดที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้
ยู อาโออิในเรื่องนี้คือจุดสำคัญในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเป็นนักแสดงดึงดูดผู้ชมให้เข้าหาหนังเรื่องนี้ ส่วนในเรื่องนั้นเธอก็ทำหน้าที่นักแสดงผู้ควบคุมเรื่องได้เป็นอย่างดี อันที่จริงหากชมยู อาโออิมากเกินไปจะกลายเป็นว่าอวยหนังเรื่องนี้มีดีเพราะเธออย่างเดียว ที่จริงแล้วอาโออิก็ทำหน้าที่ของตนเองได้สมกับความสามารถของตนได้เป็นอย่างดี
ส่วนผู้กำกับอย่างโยชิฮิโร่ ฟุคุกาว่านั้น แม้หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อแต่ผลงานอย่าง Into the White Night ที่ฉายในปีเดียวกันนั้นก็ได้เกียรติให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน
ที่จริงแล้ว Patisserie Coin de rue ก็เป็นหนังญี่ปุ่นสามัญทั่วไป ทั้งความนุ่มนวล ความงามของภาพ จังหวะและดนตรีประกอบ และเพราะมันเป็นหนังญี่ปุ่นทั่วไปมันจึงเป็นหนังที่อบอุ่นในอีกรูปแบบหนึ่ง คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกมีความสุข และที่สำคัญขนมหวานทุกจานในเรื่องนี้ก็ทั้งสวยงามและชวนน้ำลายสอ ที่จริงแล้วผู้เขียนคิดว่าหนังเรื่องนี้ตอบสนองผู้ชมได้ทั้งทางด้านเนื้อเรื่องและความต้องการเห็นภาพขนมหวานของผู้ชม คงเพราะเหตุนี้ทำให้เราไม่รู้สึกว่ามีสิงใดที่ขาดเกิน
จริงอยู่ที่ว่าชีวิตของคนเรานั้นมีมากมายหลายรสชาติ แต่ละรสชาติที่ชีวิตนั้นหยิบยื่นมาให้นั้นบางทีก็ช่างขมปี๋อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นเราก็สามารถเลือกที่หยิบของหวานมาเข้าใส่ปาก ทำให้ชีวิตของเรานั้นมีความสุขมากขึ้นเพียงชั่วครู่ก็ยังดี |