4 แผ่นจบ
เสียง ไทย
บนชั้นธุรกิจที่มืดมิดและเงียบสงบของสาย การบินเยอรมัน ในยามที่ผู้โดยสารทุกคนยังหลับสนิท มีเพียงแต่ตันหยงเท่านั้นที่ยังนั่งเหม่อลอยยิ้มคนเดียว ไม่อ่านหนังสือหรือแม้แต่ดูหนัง พนักงานต้อนรับเดินมาดูความเรียบร้อยจึงนั่งลงถามว่าจะเอาอะไรหรือเปล่า แต่ตันหยงก็ไม่รับทั้งเครื่องดื่มหรือของทานเล่นจนพนักงานสงสัย ตันหยงรับว่าเธอตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน เพราะตลอดเวลา 2 ปี ที่มุมานะไปเรียนจนจบปริญญาโท เธอยังไม่เคยกลับบ้านเลย จากวันนี้ไปเธอจะได้เริ่มต้นชีวิต ความสุข ความหวังกับการแต่งงานกับคนที่เธอรักเสียที พนักงานฟังแล้วยิ้มอดดีใจไปด้วยไม่ได้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อรับกระเป๋าแล้ว ตันหยงก็รีบเดินออกมาเพื่อจะพบกับพ่อและแม่แต่ไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอใคร ตันหยงจึงโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งแม่กับพ่อก็ยืนยันว่ามารอรับตันหยงอยู่ ตันหยงพยายามเดินตามหาจนได้ยินเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งถามเธอว่า "ต้องการให้รถไปส่งที่บ้านหรือเปล่า?" วินาทีที่ได้ยินแม้จะเรียกจากด้านหลังเธอก็จำได้ว่าเป็นพิราม คู่หมั้นสุดที่รักของเธอนั่นเอง ตันหยง ดีใจมากที่พิรามเซอร์ไพรส์มารับเธอ พิรามเองก็ดีใจที่ผู้หญิงที่เขาเพียรรอมาสองปีกลับมายืนอยู่ตรงหน้า พิรามจะเข้าไปกอดแต่ตันหยงให้ได้อย่างมากก็แค่จับมือ พิรามเองนั้นชินกับความหัวโบราณของตันหยงและครอบครัวแล้ว เพราะเขาเองก็เคยขอไปเยี่ยมเธอในระหว่างเรียน แต่ตันหยงและพ่อแม่ก็เห็นว่าไม่สมควรคนจะว่าเอาได้ พิรามจึงอดทนรอมาด้วยความเข้าใจจนวันนี้ และอีกไม่นานกับการแต่งงานที่จะเริ่มขึ้น ซึ่งเขาก็จะได้ครอบครองตันหยงสุดที่รักทั้งกายและใจ ตันหยงดีใจมากที่พิรามเห็นคุณค่าในตัวเธอ เมื่อกลับมาบ้าน ตันหยงแกล้งต่อว่าพ่อกับแม่ที่ร่วมมือกับพิรามแกล้งอำเธอ แต่พ่อกับแม่บอกว่ายังไงหลังแต่งงานพิรามก็ต้องดูแลตันหยงแบบนี้อยู่ดี พิรามเองก็รับปากต่อหน้าพ่อกับแม่ตันหยงว่าเขาจะดูแลตันหยงให้ดีอย่างนี้ ตลอดไป ตันหยงรู้สึกว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่ดีและสมบูรณ์แบบจริง ๆ ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั้นพิรามก็มีโทรศัพท์เข้ามา เขาจึงขอตัวกลับเพราะเป็นสายลูกค้าสำคัญ ตันหยงยังไม่ทันจะหยิบของฝากให้ แต่พิรามก็รีบไปเสียก่อน ตันหยงแอบน้อยใจ แต่พ่อกับแม่บอกว่าให้มองอีกมุมสิ พิรามอุตส่าห์สละเวลางานไปรับตันหยงแล้ว เรื่องของแค่นี้ค่อยให้วันหลังก็ได้ ตันหยงจึงรู้สึกดีขึ้น ณ บ้านโภควันต์ น้องเมย์ หรือ ด.ญ.เมริน เด็กผู้หญิงวัยห้าขวบ ที่ผลการเรียนในระดับอนุบาล 1 และ 2 ช่างต่างจาก ปรงแก้วและปรงขวัญ สองศรีพี่น้องที่เก่งไปซะหมดทั้งวิชาการ และความสามารถพิเศษทั้งด้านดนตรี และศิลปะ เพราะนอกจากเด็กหญิงทั้งสองจะสอบได้คะแนนสูงติดอันดับแล้ว ปรงแก้วคนพี่ก็ยังสอบเข้าเรียน ป.1 ในโรงเรียนเอกชนที่คัดแต่หัวกะทิ หนำซ้ำปรงขวัญที่อายุเท่ากับน้องเมย์และเรียนชั้นอนุบาล 3 เหมือนกันก็ยังเรียนแบบคะแนนทิ้งห่างอย่างเหนือชั้นอีกด้วย ปรางค์ทิพย์ผู้เป็นป้าจึงคอยข่มน้องเมย์เพื่อจะพาลไปเหน็บประภัสสรกับเมธี ที่เลี้ยงลูกไม่ถูกทางจนน้องเมย์จะกลายเป็นเด็กโง่ไปแล้ว แม้ต่อหน้าคุณหญิงปรงทอง ประมุขของบ้าน โภควันต์ ปรางค์ทิพย์ก็ยังอดใจเหน็บไม่ได้เพราะปรางค์ทิพย์เห็นแล้วว่า หลังจากจบอนุบาล 3 น้องเมย์คงสอบเข้าป.1 ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับลูก ๆ ของเธอไม่ได้แน่ ๆ เมธี ที่ไม่พอใจปรางค์ทิพย์จึงบอกว่าเขาไม่แคร์ว่าลูกจะเรียนเก่งหรือไม่ แต่ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอ ปรางค์ทิพย์โมโหจึงจี้จุดอ่อนเมธี ว่าเขาคิดแบบนี้ได้สิเพราะเมธีก็ใช้ความดีจนคุณหญิงปรงทองที่ชุบเลี้ยงมา ต้องเปิดบริษัทให้โดยไม่ต้องใช้ความเก่งใด ๆ นอกจากความดี เมธีโกรธมากแต่ไม่อยากตอบโต้ใด ๆ เพราะประภัสสรขอไว้ ปฐวี หมอหนุ่มน้าชายของน้องเมย์ และเป็นน้องชายคนเล็กของประภัสสรกับปรางค์ทิพย์ รู้สึกสงสารน้องเมย์จึงชวนน้องเมย์ออกไปเดินเล่นด้วยกัน ยังความไม่พอใจให้กับปรางค์ทิพย์มาก เมื่อกลับมาที่บ้านของปรางค์ทิพย์ ๆ ก็ดุปรงแก้วกับปรงขวัญที่ไม่รู้ประจบเอาใจปฐวีให้มาก ๆ เสกสรรที่เพิ่งกลับเข้าบ้านจึงโดนหางเลขไปด้วย เพราะเสกสรรเองก็ไม่ค่อยประจบเอาใจปรงทอง เมื่อทุกคนไม่พร้อมใจแบบนี้อีกหน่อยสมบัติก็คงตกไปอยู่กับประภัสสรและปฐวี มากที่สุด อย่างน้อยตอนนี้ปฐวีก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก พร้อม ๆ กับดูแลโรงพยาบาลไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปพวกอาคารสำนักงานให้เช่าแถวสาธร รวมกับทรัพย์สินอื่น ๆ ก็คงตกเป็นของประภัสสรมากกว่าของเธอ เสกสรรเห็นภรรยาหงุดหงิดจึงพยายามเอาใจสารพัดจนปรางค์ทิพย์ค่อยดีใจ อย่างน้อยเสกสรรก็อยู่ในโอวาทเธอและไม่เหมือนเมธี เมธีกับประภัสสรยืนดูน้องเมย์นั่งคุยกับปฐวี ประภัสสรกลุ้มใจที่น้องเมย์เรียนไม่เก่ง เมธีไม่เห็นด้วยที่ประภัสสรจะบังคับให้น้องเมย์เรียนหนังสือเพื่อแข่งขันกับ คนอื่น ประภัสสรน้อยใจจึงออกปากบ่นว่า เมธีเอาแต่ออกนอกบ้านแต่ทิ้งให้เธอต้องอยู่กับลูกสองคน เมื่อไหร่จะเป็นเหมือนเสกสรรบ้าง เมธีกับประภัสสรจึงเถียงกันจนเมธีโกรธ และเดินหนีไปเพราะต้องเตรียมตัวไปดูงานรับเหมาที่ต่างจังหวัด ประภัสสรรู้สึกเศร้าใจที่สามีไม่เคยแคร์ความรู้สึกเธอเลย น้องเมย์พอเห็นพ่อจะออกจากบ้านไปอีกก็วิ่งไปขอร้อง เมธีจึงอธิบายว่าเขาออกไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงน้องเมย์ ปฐวีจึงช่วยพูดอีกแรงให้น้องเมย์ยอมให้เมธีไป เย็นนั้น ปฐวีต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์ น้องเมย์อยากขอตามไปด้วย แต่ปฐวีไม่สามารถให้ไปด้วยได้จึงสัญญาว่าวันหยุดนี้จะพาไปเที่ยว น้องเมย์ขอเกี่ยวก้อยสัญญาและสั่งห้ามน้าชายเบี้ยว เพราะพ่อกับแม่ก็สัญญาแบบนี้กับน้องเมย์ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปกันสักที ปฐวีบอกว่าเขาจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน น้องเมย์นับวันรอได้เลย น้องเมย์ดีใจมาก ทางด้านตันหยงที่โทรติดต่อพิรามไม่ได้เลยจนค่ำก็เริ่มงอนน้อยใจ เพราะเธอตั้งใจว่าจะเอาเนคไทของฝากให้เขาใส่ไปทำงานวันพรุ่งนี้ ตันหยงตัดสินใจโทรเข้าบ้านพิรามและได้คำตอบว่าพิรามจะค้างคอนโดคืนนี้ ตันหยงตกใจมาที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าพิรามมีคอนโด หลังจากวางสายตันหยงก็คิดหนักว่าจะเอายังไงดี เธอควรจะไปหาพิรามไหม หรือจะรอถึงเช้า เพราะถ้าไปตอนนี้ก็คงดูไม่ดี พิรามอาจจะมองข้ามคุณค่าของเธอ แต่สุดท้ายตันหยงก็ตัดสินใจโทรกลับเข้าบ้านพิรามอีกครั้ง และหลอกล่อถามจากคนรับใช้ในบ้านจนได้ที่อยู่แล้วจึงรีบออกไป ฝ่ายพิราม ที่กำลังคุยเครียดกับพัดชาเลขาของเขา เพราะเขาต้องการขอเลิกกับเธอ แต่พัดชาไม่ยอมแม้ว่าในตอนแรกเธอก็ไม่คิดจริงจังกับพิรามเพราะรู้ว่าเขามี คู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่กันมาถึงสองปีเธอก็คิดว่าพิรามควรเลิกกับทางตันหยงมากกว่า พิรามเสนอจะยกคอนโดห้องนี้ให้แต่พัดชาก็ไม่ยอมอีก เธอต้องการเขาเท่านั้น เมื่อตกลงกันไม่ได้พิรามกับพัดชาก็ทะเลาะกัน พิรามโมโหแต่งตัวออกจะกลับบ้าน พัดชาจึงต้องรีบวิ่งตามง้อ ในขณะที่ตันหยงเองก็เพิ่งมาถึงคอนโดฯ และกำลังหาทางจะขึ้นข้างบน พิรามก็เปิดประตูออกมาเจอกับตันหยงพอดี พิรามตกใจมากที่เจอตันหยง ๆ พยายามจะไม่โกรธถ้าพิรามมีเหตุผลในการอธิบายเรื่องปิดโทรศัพท์ และคอนโดฯ แห่งนี้ที่เธอไม่เคยรู้ แต่พิรามยังไม่ทันจะตอบอะไร พัดชาในชุดเสื้อคลุมชุดนอนก็ลงมาและบอกทุกอย่างกับตันหยงว่า เมื่อก่อนตันหยงรู้จักเธอในฐานะเลขา แต่วันนี้เธอคือเมียของพิราม ตันหยงอึ้งว่าพิรามทำร้ายเธอได้ยังไง พิรามพยายามจะอธิบายว่ามันแค่ความต้องการของผู้ชายแต่ตันหยงไม่ฟัง วิ่งหนีออกไปพิรามจะตามไปแต่พัดชาดึงเอาไว้และขู่ว่าจะทำให้เรื่องนี้อื้อ ฉาวไปทั้งบริษัท หรืออาจจะแถมในแวดวงสังคมให้ด้วยถ้าพิรามยังยืนยันจะทิ้งเธอ พิรามอึ้งทำอะไรไม่ถูก ตันหยงเสียใจมากขับรถไปร้องไห้ไป ระหว่างนั้น บี๋ หรือ สุดนภา เพื่อนสนิทสมัยเรียนก็โทรเข้ามาต่อว่าเป็นชุดเรื่องที่เพื่อนกลับมาแล้วไม่ ยอมโทรหา เห็นแฟนสำคัญกว่าเพื่อนหรือไง บี๋ใส่เป็นชุดจนได้ยินเสียงสะอื้นร้องไห้ของตันหยง บี๋ก็ตกใจมากตันหยงบอกแต่เพียงว่าเธอเลิกกับพิรามแล้ว ไม่ว่าบี๋จะถามอะไรตันหยงก็ไม่ตอบเอาแต่ฟูมฟายร้องไห้ บี๋บอกให้ตันหยงเป็นผู้ใหญ่ค่อย ๆ คิดค่อย ๆ แก้ปัญหา แต่ตันหยงบอกว่าถ้าเลือกได้จะขอกลับไปเป็นเด็ก เธอไม่อยากรับผิดชอบ ไม่เหนื่อยแบบนี้แล้ว ว่าแล้วปิดโทรศัพท์ไปเลย ปฐวีที่มางานเลี้ยงกับเพื่อนเก่า ๆ รวมทั้ง นาวิน ที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แต่ปฐวีที่ไม่ดื่มเหล้าก็เบื่อบรรยากาศจึงออกมาเดินเล่นนาวินออกมาตาม ปฐวีเลยได้ทีจะขอตัวกลับแต่นาวินไม่ยอมจะลากตัวไปให้ได้ ระหว่างที่ดึงกันอยู่นั้นรถของตันหยงก็แล่นมาจอดจนเกือบชนกับปฐวีและนาวิน สองหนุ่มจะเข้าไปต่อว่าตันหยง แต่พอเห็นตันหยงลงจากรถมาทั้งน้ำตาร้องไห้ไม่สนใจใคร สองหนุ่มก็ต้องกลืนคำพูดกลับไปทันทีได้แต่ยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปฐวีได้แต่มองตามตันหยงที่เดินผ่านหน้าเขาไป ในขณะที่นาวินลากปฐวีกลับมาร่วมงานอีกจนได้ ตันหยงก็ตรงไปในคลับของโรงแรมและเริ่มต้นดื่มเหล้า และในเวลาเดียวกันน้องเมย์ที่นอนไม่หลับตื่นมากลางดึกก็เริ่มหนาวตัวสั่น เพราะเป็นไข้และนอนกระสับกระส่าย ปฐวีเห็นว่าใกล้เที่ยงคืนจึงใช้วิธีแอบหนีออกจากงาน แต่ระหว่างเดินผ่านหน้าคลับของโรงแรม เขาก็เห็นตันหยงนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว ปฐวีแม้จะชอบในความสวยแต่ก็ส่ายหน้าเพราะตันหยงดื่มเหล้าเป็นน้ำ ปฐวีจะเดินไปแต่สุดท้ายก็อดเป็นห่วงไม่ได้ต้องเดินกลับมายืนแอบดูตันหยง โดยไม่รู้ว่าน้องเมย์ที่เริ่มหนาวสั่นมากก็เริ่มร้องเรียกหาน้าชาย พ่อและแม่ น้องเมย์ตัดสินใจลุกจากเตียงอย่างอ่อนแรง และเดินไปเคาะห้องพ่อกับแม่ แต่เมื่อเปิดไปดูก็ไม่เห็นใคร น้องเมย์เดินมาที่บันไดเห็นไฟเปิดอยู่ด้านล่าง จึงพยายามออกแรงเรียกแม่ แต่ประภัสสรที่นั่งเศร้าครุ่นคิดถึงคำพูดของเมธีก็น้อยใจ จนสักพักก็ได้ยินเสียงน้องเมย์ แต่พอหันไปดูน้องเมย์ก็หมดแรงตกบันไดลงมา ประภัสสรร้องกรี๊ดลั่น ปฐวี ที่ยังยืนแอบดูตันหยงอยู่ ก็เห็นว่ามีผู้ชายสองคนพยายามเข้ามาเกาะแกะตันหยงจะลากไปด้วยกัน แต่ตันหยงไม่เล่นด้วย ปฐวีทนไม่ไหวตัดสินใจเดินเข้าไปทำฟอร์มเป็นเพื่อนตันหยงเพื่อไล่ผู้ชายสองคน นั้น พอผู้ชายไปแล้วปฐวีก็ห้ามตันหยงไม่ให้ดื่มอีก แต่ตันหยงเมาเกินกว่าจะคุยรู้เรื่อง ปฐวี แนะนำว่าห้ามขับรถระหว่างนั้นประภัสสรก็โทรศัพท์เข้ามาแจ้งข่าวน้องเมย์ ปฐวีตกใจมากรีบวิ่งออกไปทันที แต่ไม่วายโทรเรียกนาวินให้มาช่วยดูตันหยงต่อ เพราะอาการดูแปลก ๆ เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ปฐวีก็รีบเข้าร่วมกับทีมแพทย์รักษาน้องเมย์ในห้องฉุกเฉินทันที ประภัสสรเอาแต่ร้องไห้จนปรงทองต้องคอยปลอบและเตือนสติให้เรียกเมธีกลับมา ด่วน ทางด้านตันหยงที่ออกจากโรงแรมโดยมีนาวินเดินตาม แต่ไม่สามารถประคองได้เพราะตันหยงไม่ให้แตะตัว นาวินพยายามห้ามไม่ให้ตันหยงขับรถแต่ตันหยงไม่ฟังผลักนาวินล้มลงแล้วขึ้นรถ ขับออกไป นาวินรีบไปขึ้นรถตัวเองจะขับตามไปแต่ก็ไม่ทันเพราะรถตัวเขาเองอยู่ไกล แต่เห็นรถของชายสองคนวิ่งตามรถตันหยงไป นาวินจึงได้แต่แจ้งรายการวิทยุเผื่อมีใครเจอและจะห้ามรถของตันหยงได้ ระหว่างทางที่ขับตันหยงก็เอาแต่ฟูมฟายเรื่องพิราม แม้ว่าพิรามจะโทรมาก็ไม่รับสาย จนรถมาติดไฟแดงชายสองคนก็พยายามจะเคาะกระจกเพื่อขอมาขับให้ ตันหยงเลยขับหนี ชายสองคนขับตาม สุดท้ายตันหยงเสียหลักรถพุ่งลงข้างทาง ชายสองคนพอเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจจึงชวนกันหนีไป ตันหยงที่อยู่ในรถเริ่มได้สติจึงออกมานอกรถแล้วปวดหัวจะเรียกคนช่วยแต่ไม่มี ใครเห็นเธอ ๆ จึงแปลกใจมาก ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงรีบจะกลับไปรับในรถ แต่พอมองเข้าไปก็ต้องตกใจที่เห็นร่างตัวเองอยู่ในรถ ตันหยงช็อคทันที