กาหลมหรทึก
จำนวน 3 แผ่น
26 ตอนจบ
เสียงไทย
เนื้อเรื่อง
กาหลมหรทึก (กา-หน-มะ-หอ-ระ-ทึก) กาหลหรทึกแส้เสียงสังข์ เรียมบ่ฟังเลยฟังข่าวน้อง ฆ้องคึกบันดาลหวังเสียงเสน่ห์ เสน่ห์มารุมรึงข้องขุ่นข้องอารมณ์ฯ (คัดมาจาก โคลงนิราศเจ้าฟ้าอภัย) กาหลมหรทึก มีความหมายโดยตรงคือ เสียงกลองมโหระทึกอันดังกึกก้องเป็นโกลา แต่มีผู้ให้ความหมายโดยนัยครอบคลุมเหตุการณ์ที่ทุกท่านกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ว่า เรื่องวุ่นวายที่อึกทึกครึกโครมและชวนหวาดผวายิ่ง ขอต้อนรับเข้าสู่เรื่องราวดังกล่าวนับแต่บัดนี้ .......... หมายเหตุ - บทนี้เป็นโคลง 1 ใน 25 บทจากโคลงพระราชนิพนธ์นิราศเจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสของพระเจ้าอยู่หัวอยู่ท้ายสระ สมัยกรุงศรีอยุธยา ปีพุทธศักราช 2486 ท่ามกลางไฟสงครามมหาเอเชียบูรพาที่กำลังปะทุ พ.ต.ท.เวทางค์ ภิรมย์รุจ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) สารวัตรหนุ่มแห่งกองตำรวจสอบสวนกลางได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญเด็กหญิงในบ้านพักย่านวัดระฆังโฆสิตาราม สภาพศพถูกทุบกะโหลกแตก แม่ของผู้ตายให้การว่า น่าจะเป็นฝีมือโจร แต่การสืบสวนเบื้องต้น กลับพบว่า เต็มไปด้วยเรื่องน่าคลางแคลง โดยเฉพาะบนหน้าผาก ข้อมือ และข้อเท้าของผู้ตาย ปรากฏรอยสักปริศนาของ คำห้าคำ - - เหย้า เจ้า แพะ ทิ้ง พงส์ - - หนึ่งคำเหนือหน้าผาก สองคำหลังข้อมือซ้ายขวา กับอีก 2 คำใต้ตาตุ่มทั้ง 2 ข้าง คดีฆาตกรรมสุดสะเทือนขวัญกับ คน 5 คน คดีที่ 1 เด็กหญิงวาด (ด.ญ. กุลฑีรา ยอดช่าง) คดีที่ 2 พระมหาสุชีพ (ยุทธนา เปื้องกลาง) คดีที่ 3 นายลุ (วราวุธ โพธิ์ยิ้ม) คดีที่ 4 นายผดุงศักดิ์ ประพนธ์ธรรม (อัครัฐ นิมิตชัย) คดีที่ 5 นายอ่ำ (วรกร ศิริสรณ์) กิ่งฉัตร หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด ครั้งที่ 15 ประเภทนวนิยาย (แนวสืบสวนสอบสวน) ประจำปีพุทธศักราช 2557 กล่าวว่า กลบทคือชิ้นส่วนปริศนาให้ขบคิด ศพคือกระดานส่งต่อข้อความ ฆาตกรทิ้งร่องรอยให้ไข กาหลมหรทึกจะชวนให้ลุ้นไปกับการฆ่าและความมืดดำในใจมนุษย์ โครงเรื่องเดินอยู่ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่านของคดีฆาตกรรมหลายคดี โดยวางแผนการนำเสนอได้อย่างรัดกุม โดดเด่น เห็นภาพ พาผู้อ่านผ่านจากความตายไปสู่ปมปริศนาอันชาญฉลาด สุดท้ายคลี่คลายไปสู่บาปพื้นฐานของปุถุชน นั่นคือ แรงผลักดันจากตัณหาและความพยาบาท แล้วปิดท้ายด้วยการทำงานของกฎแห่งกรรม ผู้เขียนเลือกบรรยากาศและช่วงเวลาการเดินเรื่องได้อย่างมีเสน่ห์โดดเด่น จดจารวัตถุและสถานที่ที่น่าสนใจ เป็นความภาคภูมิใจของชาติไว้ด้วยการจัดให้ปรากฏเป็นฉากได้แนบเนียน นอกจากนี้ยังสามารถใช้วรรณศิลป์ในการเล่าเรื่องได้หมดจดชัดเจน และสามารถหยิบบทร้อยกรองมาใช้ได้อย่างแยบยล