ใคร เคยมีรักที่ต้องเก็บซ่อนไว้ในใจไม่อาจปริปากบอกใครในโลกได้ รักที่มีขนบธรรมเนียมและศีลธรรมเป็นข้อห้าม รักที่เกิดจากความเงียบเหงาเดียวดาย หรือจะเป็นรักแท้ก็มิอาจแน่ใจ หากแต่รู้สึกได้ถึงอีกหนึ่งอารมณ์ของความรัก... In the Mood for Love

จาก วันนั้นที่คุณนายเฉิน ได้ทำความรู้จักกับ โจว ชายหนุ่มนักเขียน ซึ่งย้ายมายังที่พักแห่งใหม่ในวันเดียวกัน ช่างเหมือนเป็นพรหมลิขิตเชื่อมโยงให้ทั้งคู่ต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน กระเป๋าถือและเนคไทเส้นนั้นเป็นข้อสรุปอย่างแน่นอนว่าสามีของ คุณนายเฉิน ได้แอบมีสัมพันธ์ลับกับภรรยาของ โจว ทำให้ทั้งคู่ตกลงที่จะสวมบทบาทสมมุติแทนสามีภรรยาของทั้งสองฝ่าย เพื่อค้นหาเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดเรื่องที่แสนจะเจ็บปวดรวดร้าว และหาข้อสรุปว่าควรจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ร้ายของใจเช่นนี้

แต่แล้วความใกล้ชิด และความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันกลับชักนำทั้งสองคนให้ไปสู่จุดเริ่มต้นของคำว่า " รัก "

In the Mood for Love จัดเป็นงาน "สุนทรีย์ศิลป์" บนโลกภาพยนตร์ หนังที่ถูกยกย่องให้เป็น Master Piece ของผู้กำกับ หว่อง กา ไว ชิ้นนี้โดดเด่นเกินคำบรรยายกับความละเมียดละไมในตัวหนังและอารมณ์ของนักแสดง ที่ส่งให้อารมณ์คนดู "ลื่นไหลดุจสายน้ำ พริ้วไหวดุจสายลม" ไปตลอด 98 นาทีของการชมภาพยนตร์เรื่องนี้


หากเปรียบภาพยนตร์คืออาหารจาน หลัก การชมภาพยนตร์เป็นดั่งเช่นการบริโภค ผู้ที่ยังไม่เคยลิ้มรสอาหารที่ปรุงโดยพ่อครัวที่ชื่อ หว่อง กา ไว มาก่อน อาจสงสัยในรสชาติอาหารที่ไม่คุ้นลิ้น พ่อครัวคนนี้นิยมทำอาหารโดยการเล่าเรื่องในมุมมองที่แปลกและแตกต่าง อย่างเช่นหนังเรื่องนี้ที่ตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวของความสัมพันธ์ของคนสองคน (คุณนายเฉินกับโจว) และเรื่องราวอันเป็นความลับมืดดำของสามีของคุณนายเฉินกับภรรยาของโจว ดังนั้นหนังก็จงใจไม่ให้คนดูได้รู้จักสองคนนี้ซะอย่างนั้น หรือการใช้สื่อความหมายทางอ้อม จะได้เห็นในหนังเรื่องนี้เยอะมาก


สอง นักแสดงนำของเรื่อง เหลียงเฉาเหว่ย และจางม่านอวี้ ถ่ายทอดทั้งสีหน้า แววตา และอารมณ์รักที่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกได้อย่างลุ่มลึกและยอดเยี่ยมไม่มี สะดุดในทุกๆซีน ช่วยทำให้คนดูรู้สึกไปกับอารมณ์ของสองคนนี้ได้อย่างไม่มีที่ติ ฝีมือการแสดงของทั้งสองคนนี้ กับหนังเรื่องนี้ บอกได้คำเดียวว่าเข้าขั้น "คลาสสิค"


In the Mood for Love ให้ความรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในความรักที่มีทั้งจังหวะที่พริ้วไหวและหนัก หน่วงผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ชวนให้ซาบซึ้งในรักแล้ว ยังสอดแทรกความรู้สึกกดดันในใจไว้ได้อย่างแนบเนียน ดนตรีประกอบอันสุนทรีย์ บทพูดที่พีถีพิถัน เสื้อผ้า แสง และฉากถูกจัดวางลงไปในหนัง ได้อย่างสุดแสนจะคลาสสิคและงดงามจนไม่อาจบรรยายถึงความประทับใจได้ทั้งหมด


คำนิยามของหนังเรื่องนี้จึงหยุดอยู่เพียงแค่คำพูดที่ว่า " งดงามละเมียดละไมเกินกว่าคำบรรยายใดใด "